วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ฟุตบอลโลกครั้งที่ 1 ( ฟุตบอลโลก 1930 ที่ประเทศอุรุกวัย )

ฟุตบอลโลก 1930 เป็นฟุตบอลโลกครั้งแรก จัดขึ้นที่ประเทศอุรุกวัย ในปี พ.ศ. 2473 โดย ทีมชาติอุรุกวัย ชนะอาร์เจนตินา 4 -2 การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นการแข่งขันครั้งโดยไม่มีการคัดเลือกทีมเข้าเล่น ประเทศที่เข้าร่วมเป็นประเทศที่ได้รับเชิญและเป็นส่วนหนึ่งของฟีฟ่า ในขณะนั้น ในขณะเดียวกันเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก มีค่าสูง ทำให้หลายประเทศในทวีปยุโรปไม่ได้เข้าร่วมฟุตบอลโลกในครั้งนี้ ทำให้ประธานของฟีฟ่า ชูลส์ รีเมต์ ร่วมกับรัฐบาลของอุรุกวัย ได้สัญญาจะจ่ายค่าเดินทางทั้งหมดให้กับทีมที่มาจากทวีปยุโรป ในที่สุดทีมจากยุโรป 4 ทีม ได้แก่ เบลเยียม ฝรั่งเศส ยูโกสลาเวีย และ โรมาเนีย ได้เดินทางทางทะเลเป็นเวลาสามอาทิตย์มาที่ประเทศอุรุกวัย การแข่งขันในครั้งนี้ได้แบ่งออกเป็น 4 สาย A B C และ D โดยสาย A มีอยู่ 4 ประเทศ ขณะที่สายอื่นมี 3 ประเทศ ผู้ชนะในแต่ละสายจะมาแข่งกัน
จุดเริ่มต้นของศึกฟุตบอลโลกหนแรกของโลก ระเบิดขึ้นบนดินแดนละตินอเมริกาของ อุรุกวัย ในปี 1930 โดยมีประเทศเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดเพียง 13 ทีม และในศึกเวิลด์ คัพ หนนี้ไม่มีการเตะรอบคัดเลือก แต่อย่างใด ฝ่ายอุรุกวัย เจ้าภาพทำการเชื้อเชิญทีมต่างๆ มาร่วมโม่แข้งแทน ผลปรากฏว่ามีเพียง 4 ทีมจากยุโรปเท่านั้น ที่ยินยอมตอบรับคำเชิญ เนื่องจากหลายประเทศต้องเดินทางไกลมาก แต่ อุรุกวัย ก็มีความเหมาะสมที่จะเป็นเจ้าภาพในครั้งแรกนี้ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิก หรือคำยืนยันว่าจะออกค่าใช้จ่ายให้กับทุกทีมที่เดินทางมาร่วมแข่งขัน และยิ่งไปกว่านั้น สนาม เซนเตนาริโอ ในกรุงมอนเตวิเดโอ ซึ่งสามารถรองรับแฟนฟุตบอลได้ร่วม 1 แสนชีวิต คือ สังเวียนแข้งแห่งใหม่ เพื่อใช้ในการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปีของวงการฟุตบอลอุรุกวัยอีกด้วย
เกมการแข่งขันนัดเปิดสนาม เมื่อวันที่ 13 ก.ค. เริ่มขึ้นด้วยความทุลักทุเล แต่ ฝรั่งเศส ภายใต้การสนับสนุนของ จูลส์ ริเม่ต์ ประธานฟีฟ่าชาวเมืองน้ำหอม ก็สามารถถล่มเอาชนะ เม็กซิโก ไปได้อย่างสบาย 4-1 โดย ลุกแซง โลร็องต์ ถูกจารึกว่าเป็นผู้ทำประตูแรกในประวัติศาสตร์ของศึกฟุตบอลโลก
อย่างไรก็ตามในกลุ่ม เอ อาร์เจนตินา กลับเป็นทีมที่สร้างผลงานได้ดีที่สุด ด้วยการเอาชนะทั้งฝรั่งเศส และชิลี โดยเฉพาะเกมที่พบกับ เม็กซิโก นั้น ได้มีชายที่ชื่อ กิลเยร์โม่ สตาบิเล่ กลายเป็นฮีโร่ของทีมฟ้า-ขาว เมื่อสามารถทำแฮตทริกได้เป็นคนแรกในการแข่งขัน รวมทั้งในศึกฟุตบอลโลกด้วย ทำให้ อาร์เจนตินา กลายเป็นแชมป์กลุ่มอย่างง่ายดาย
ส่วน กลุ่ม บี ยูโกสลาเวีย เข้ารอบรองชนะเลิศไปอย่างสบาย เมื่อเอาชนะทั้ง บราซิล และโบลิเวีย ขณะที่กลุ่ม ซี มาริโอ เดอ ลาส คาซาส กัปตันทีมของ เปรู กลายเป็นนักเตะคนแรกที่โดนไล่ออกจากสนาม เมื่อไปเตะ สเตเนอร์ แบ๊กขวาของโรมาเนียจนขาหัก แต่ อุรุกวัย เจ้าภาพก็อาศัยความได้เปรียบเข่นเอาชนะทั้ง 2 ทีมไปได้อย่างไม่ยากเย็น ขณะที่ สหรัฐอเมริกา กลายเป็นม้ามืดของการแข่งขัน เมื่อเอาชนะ เบลเยียม และปารากวัย ไปได้ 3-0 ทั้งๆ ที่ไม่ได้รับการคาดหมายว่าจะมีโอกาสเข้ารอบเลย สำหรับรอบ 4 ทีมสุดท้าย ทีมฟ้า-ขาว โชว์เพลงแข้งที่เหนือกว่า ถล่มเอาชนะ สหรัฐฯ ไปอย่างท่วมท้น 6-1 ส่วน นักเตะจอมโหด เจ้าภาพ ก็อัดยูโกสลาเวีย ไป 6-1 เช่นกัน
รอบชิงชนะเลิศในศึกเวิล์ด คัพ หนแรก กลายเป็นแมตช์รีเพลย์ของฟุตบอลโอลิมปิกเกมส์ เมื่อปี 1928 เพราะ อุรุกวัย มาเจอกับ อาร์เจนตินา อีกครั้ง และแม้ว่า นักเตะฟ้า-ขาว จะเล่นได้ดีกว่า แต่ทีมจอมโหด ก็พลิกสถานการณ์ในครึ่งหลัง กลับมาเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้อย่างตื่นเต้น 4-2 ส่งผลให้อุรุกวัย กลายเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขณะที่ สตาบิเล่ ก็ครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุด เมื่อซัดไป 8 ประตู

วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555

ประวัติฟุตบอลโลก (World Cup)



 ฟุตบอลโลก 2010

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก fifafantasia.com


         เป็นที่ทราบกันดีว่าทุก ๆ 4 ปี มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่และมีผู้ให้ความสนใจทั่วโลกอย่าง "ฟุตบอลโลก" (world cup) จะแวะเวียนมาบรรจบ ให้เพื่อน ๆ ได้ร่วมลุ้นร่วมเชียร์ทีมที่ชื่นชอบ โดย สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า (F.I.F.A.) จะทำการคัดเลือกประเทศที่มีศักยภาพผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ "ฟุตบอลโลก" ซึ่งคราวนี้ในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2010 (พ.ศ.2553) ก็เป็นหน้าที่ของประเทศแอฟฟริกาใต้ที่รับเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน โดย ฟุตบอลโลก 2010 จะเริ่มทำการแข่งขันระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน ถึงวันที่ 11 กรกฎาคมนี้

         ทั้งนี้ เชื่อได้เลยว่าคอบอลทั้งหลายต่างตั้งตารอคอยการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2010 พร้อม ๆ กับท่องจำ ตารางบอลโลก 2010 จนขึ้นใจ อะ ๆ แต่จะมีแฟนพันธุ์แท้ ฟุตบอลโลก ซักกี่คนจำหรือรู้ถึง ประวัติฟุตบอลโลก แบบละเอียดยิบบ้าง เพราะฉะนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการตกเทรนด์ กระปุกดอทคอมเลยจะพาเพื่อน ๆ เข้าไปคลุกวงในเปิด ประวัติฟุตบอลโลก กัน ใครอยากรู้ว่าตามเราเข้ามาเลย...

         ฟุตบอลโลก หรือ ฟุตบอลโลกฟีฟ่า (FIFA World Cup) เป็นการแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศ โดย ฟุตบอลโลก เริ่มครั้งแรกในปี ค.ศ.1930 (พ.ศ.2473) สำหรับผู้ริเริ่มให้มีการแข่งขัน ฟุตบอลโลก ครั้งแรกคือ จูลส์ ริเมท์ (Jules Rimet) เป็นชาวฝรั่งเศส โดยได้เสนอในที่ประชุมของประเทศสมาชิกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ เมื่อปี ค.ศ.1902 (พ.ศ.2445) แต่กว่าจะลงตัวและเริ่มจัดขึ้นจริง ๆ คือปี ค.ศ.1930 ซึ่งประเทศที่ได้เกียรติเป็นเจ้าภาพ ฟุตบอลโลก ครั้งแรกได้แก่ ประเทศอุรุกวัย โดยมีประเทศที่เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 13 ชาติ และประเทศอุรุกวัยก็คว้าแชมป์โลกไปครองได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะประเทศอาร์เจนตินาไป 4-2 ประตู ทั้งนี้ เพื่อเป็นเกียรติแด่ จูลส์ ริเมท์ ถ้วยรางวัลชนะเลิศจึงใช้ชื่อ "ถ้วยจูลส์ ริเมท์"




         จากนั้นก็มีการจัดการแข่งขัน ฟุตบอลโลก ต่อเนื่องมาทุก 4 ปี โดยครั้งที่ 2 จัดขึ้นในปี ค.ศ.1934 (พ.ศ.2477) ที่ประเทศอิตาลี ผลปรากฏว่าทีมเจ้าภาพก็คว้าแชมป์โลกไปครองได้อีก ด้วยการเอาชนะประเทศเชโกสโลวาเกีย ส่วนครั้งที่ 3 จัดขึ้นในปี ค.ศ.1938 (พ.ศ.2481) ที่ประเทศฝรั่งเศส แต่ประเทศอิตาลียังยอดเยี่ยมคว้าแชมป์โลกไปครองได้อีกสมัย แต่หลังจากฟุตบอลโลกครั้งที่ 3 การแข่งขันต้องหยุดชะงักไป 12 ปี (ค.ศ.1942, 1946) เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้มาเริ่มแข่งขันครั้งที่ 4 ในปี ค.ศ.1950 (พ.ศ.2493) โดยประเทศบราซิลรับเป็นเจ้าภาพ ท่ามกลางความขัดแย้งของหลาย ๆ ชาติ เนื่องจากควันหลงจากสงครามโลกนั่นเอง

         ต่อมาในปี ค.ศ.1970 (พ.ศ.2513) ประเทศบราซิลได้คว้าแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 3 จึงได้สิทธิ์ครอบครอง ถ้วยจูลส์ ริเมท์ (ซึ่งภายหลังได้ถูกขโมยไป) ทางสมาชิกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติจึงได้จัดทำถ้วยรางวัลขึ้นมาใหม่ โดยใช้ชื่อว่า "ถ้วยฟีฟ่า" ทำด้วยทองคำ มีความสูง 36 เซนติเมตร มูลค่าประมาณ 4 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ และใช้มาจนถึงปัจจุบัน
         ขณะเดียวกัน ในปี ค.ศ.1982 (พ.ศ.2524) ซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 12 ทางสมาชิกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติได้ปรับเปลี่ยนจำนวนทีมเข้าแข่งขันจากเดิม 16 ทีม เป็น 24 ทีม และในปี ค.ศ.1998 (พ.ศ.2541) ต่อมาก็เพิ่มจาก 24 ทีมเป็น 32 ทีม เนื่องจากฟุตบอลเริ่มได้รับความนิยมไปแพร่หลายทั่วโลก แต่ละประเทศมีการพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาก จึงน่าจะมีทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายมากขึ้นตามไปด้วย จนได้ชื่อว่าเป็นการแข่งขันกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก





 ทำเนียบแชมป์ฟุตบอลโลก



 ครั้งที่

  ปี ค.ศ.

  เจ้าภาพ

  แชมป์โลก

  ผลการแข่งขัน

 1

 1930

  อุรุกวัย

 อุรุกวัย

  ชนะ อาร์เจนติน่า 4-2

 2

  1934

  อิตาลี

  อิตาลี

  ชนะ เชโกสโลวาเกีย 2-1

 3

  1938

  ฝรั่งเศส

  อิตาลี

 ชนะ ฮังการี 4-2

 4

  1950

 บราซิล

  อุรุกวัย

  ชนะ บราซิล 2-1

 5

  1954

 สวิตเซอร์แลนด์

 เยอรมันตะวันต

 ชนะ ฮังการี 3-2

 6

  1958

  สวีเดน

  บราซิล

 ชนะ สวีเดน 5-2

 7

  1962

  ชิลี

  บราซิล

 ชนะ เชโกสโลวาเกีย 3-1

 8

 1966

  อังกฤษ

  อังกฤษ

 ชนะ เยอรมันตะวันตก 4-2

 9

 1970

  เม็กซิโก

 บราซิล

 ชนะ อิตาลี 4-1

 10

  1974

  เยอรมันตะวันตก

  เยอรมันตะวันตก

 ชนะ ฮอลแลนด์ 2-1

 11

  1978

  อาร์เจนติน่า

  อาร์เจนติน่า

  ชนะ ฮอลแลนด์ 3-1

 12

  1982

  สเปน

  อิตาลี

 ชนะ เยอรมันตะวันตก 3-1

 13

  1986

  เม็กซิโก

  อาร์เจนติน่า

 ชนะ เยอรมันตะวันตก 3-2

 14

  1990

 อิตาลี

 เยอรมัน

 ชนะ อาร์เจนติน่า 1-0

 15

  1994

 สหรัฐอเมริกา

  บราซิล

 ชนะ อิตาลี 3-2

 16

  1998

 ฝรั่งเศส

 ฝรั่งเศส

 ชนะ บราซิล 3-0

 17

  2002

  เกาหลีใต้/ญี่ปุ่น

  บราซิล

 ชนะ เยอรมัน 2-0

 18

  2006

  เยอรมัน

  อิตาลี

 ชนะ ฝรั่งเศส ในการยิงจุดโทษ 5-3 หลังเสมอกัน 1-1

 19

  2010

 ประเทศแอฟริกาใต้




          อย่างไรก็ตาม ถือเป็นธรรมเนียมในการปฏิบัติ สำหรับการคัดสรร ตัวมาสคอร์ท (Mascot) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ฟุตบอลโลก (World Cup Mascot) ในการแข่งขันแต่ละครั้ง ในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 19 หรือ ฟุตบอลโลก 2010 ตัวนำโชคอย่างเป็นทางการคือ ซากูมี (Zakumi) ซึ่งเป็นมนุษย์ครึ่งเสือดาว ผมสีเขียว ชื่อของเขามีที่มาจาก "ZA" ซึ่งเป็นรหัสประเทศของประเทศแอฟริกาใต้ "kumi" ซึ่งมีความหมายว่า "สิบ" เป็นจำนวนภาษาที่หลากหลายในแอฟริกา สีของตัวนำโชคนี้บ่งบอกถึงชุดที่ทีมเจ้าภาพใช้ทำการแข่งขัน คือ สีขาว และ สีดำ โดยคำขวัญประจำการของ ซากูมี คือ Zakumi's game is Fair Play 
         รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ ประวัติฟุตบอลโลก กันแล้ว ก็อย่าลืมส่งใจไปเชียร์ทีมโปรดกันนะครับ



คลิป MV เพลง Waka Waka เพลงเปิดบอลโลก 2010